Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

+2
Firehead
Admin
6 posters

    สนทนาธรรม, เรื่องเล่า....

    Admin
    Admin
    .....
    .....


    Posts : 985
    Joined : 02/02/2009
    Location : somewhere in cyber space
    Karma : 1000001

    สนทนาธรรม, เรื่องเล่า.... Empty สนทนาธรรม, เรื่องเล่า....

    ตั้งหัวข้อ  Admin Tue Jun 23, 2009 2:18 pm

    นัยอันล้ำลึกของคำว่า "ขอบคุณ" โดยท่าน ว. วชิรเมธี

    แก้วที่คว่ำอยู่กลางสายฝน
    ต่อให้ฝนตกกระหน่ำทั้งคืน
    ก็ไม่อาจเต็มไปด้วยน้ำ
    คนที่ไม่ยอมเปิดใจเรียนรู้
    ต่อให้คลุกคลีอยู่กับนักปราชญ์ทั้งคืนทั้งวัน
    ก็ยังโง่เท่าเดิม

    ว วชิรเมธี


    แก้ไขล่าสุดโดย Admin เมื่อ Tue Jun 23, 2009 2:30 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
    Admin
    Admin
    .....
    .....


    Posts : 985
    Joined : 02/02/2009
    Location : somewhere in cyber space
    Karma : 1000001

    สนทนาธรรม, เรื่องเล่า.... Empty Re: สนทนาธรรม, เรื่องเล่า....

    ตั้งหัวข้อ  Admin Tue Jun 23, 2009 2:20 pm

    ขอบคุณความไม่รู้ ที่ทำให้รู้วิธีลุกขึ้นสู้
    ขอบคุณความยากจน ที่ทำให้เป็นคนมุมานะ
    ขอบคุณความล้มเหลว ที่ทำให้เกิดความเชี่ยวชาญ


    ขอบคุณความผิดพลาด ที่ทำให้ฉลาดยิ่งกว่าเดิม
    ขอบคุณความริษยา ที่ทำให้กล้าสร้างสรรค์สิ่งใหม่
    ขอบคุณคำวิพากษ์วิจารณ์ ที่ทำให้ผลิบานอย่างไร้ข้อตำหนิ


    ขอบคุณความไม่รู้ ที่ทำให้รู้จักครูที่ชื่อประสบการณ์
    ขอบคุณความผิดหวัง ที่ทำให้ตั้งสติเพื่อลุกขึ้นมาใหม่
    ขอบคุณศัตรูที่แกร่งกล้า ที่ทำให้รู้ว่าเรายังไม่ใช่มืออาชีพ


    ขอบคุณมหกรรมคอรัปชั่น ที่ทำให้เราอยากสร้างสรรค์การเมืองใหม่
    ขอบคุณความป่วยไข้ ที่ทำให้เราตั้งใจดูแลสุขภาพ
    ขอบคุณความทุกข์ที่ ทำให้เรารู้ว่าความสุขมีค่าแค่ไหน


    ขอบคุณความพลัดพราก ที่ทำให้เราสละจากความยึดมั่น ถือมั่น
    ขอบคุณเพลิงกิเลส ที่ทำให้เรามีเหตุอยากถึงพระนิพพาน
    ขอบคุณความตาย ที่ทำให้ฉากสุดท้ายของชีวิตสมบูรณ์แบบ


    เจริญพร
    ว วชิรเมธี
    Admin
    Admin
    .....
    .....


    Posts : 985
    Joined : 02/02/2009
    Location : somewhere in cyber space
    Karma : 1000001

    สนทนาธรรม, เรื่องเล่า.... Empty Re: สนทนาธรรม, เรื่องเล่า....

    ตั้งหัวข้อ  Admin Tue Jun 23, 2009 2:31 pm

    เป็ด
    เป็ดตัวหนึ่งเดินเข้าไปที่ร้านเซเว่น-อีเลเว่น แล้วถามพนักงานขายว่า
    " มีองุ่นขายหรือเปล่า ?"
    พนักงานขายบอกว่าไม่มี เป็ดก็เลยเดินออกจากร้านไป
    วันต่อมาเป็ดกลับไปที่ร้านอีก แล้วถามพนักงานขายว่า
    มีองุ่นขายหรือเปล่า ?"
    พนักงานขายบอกว่าไม่มี เป็ดก็เลยเดินออกจากร้านไป
    วันต่อมาเป็ดกลับไปที่ร้านอีก แล้วถามพนักงานขายว่า
    " มีองุ่นขายหรือเปล่า ?"
    พนักงานขายตะคอกใส่เป็ดว่า
    " แกมาที่ร้านนี้สองวันติดกัน แล้วถามหาองุ่น
    ชั้นก็บอกแล้วว่าไม่มี ไม่มี
    ถ้าแกมาที่นี่อีกครั้งแล้วถามหาองุ่นอีกนะ
    ชั้นจะตอกตะปูติดขาแกไว้กับพื้นเลยคอยดู"
    เป็ดก็เลยเดินออกจากร้านไป
    วันต่อมาเป็ดกลับมาอีก ถามว่า
    " มีตะปูหรือเปล่า ?"
    พนักงานขายตอบ "ไม่มี" เป็ดพูดต่อว่า "ดีดี
    แล้วมีองุ่นหรือเปล่าล่ะ ?"
    Admin
    Admin
    .....
    .....


    Posts : 985
    Joined : 02/02/2009
    Location : somewhere in cyber space
    Karma : 1000001

    สนทนาธรรม, เรื่องเล่า.... Empty Re: สนทนาธรรม, เรื่องเล่า....

    ตั้งหัวข้อ  Admin Tue Jun 23, 2009 2:32 pm

    ไกล
    หญิงคนหนึ่งได้รับว่าจ้างให้ทาสีที่ขอบถนน highway
    วันแรกเธอทาได้ 10 กิโล วันที่สองทาได้แค่ 5 กิโล
    เจ้านายเธอเห็นเธอทาได้น้อยลง จึงตัดสินใจให้เธอพักผ่อนซักวัน
    คิดว่าเธอคงเหนื่อย
    เมื่อเธอกลับมาทำงานวันต่อไปปรากฏว่าทาได้แค่ครึ่งกิโลเท่านั้น
    หัวหน้ารู้สึกท้อใจมาก แล้วเข้ามาถามเธอว่า
    " โทษทีเถอะ ทำไมคุณทาได้น้อยลงทุกวันๆ ทั้งๆที่ผมให้คุณพักผ่อนแล้ว"
    " ง่ายๆ" เธอตอบ "ยิ่งทาชั้นก้อยิ่งห่างจากกระป๋องสีขึ้นเรื่อยๆ
    Admin
    Admin
    .....
    .....


    Posts : 985
    Joined : 02/02/2009
    Location : somewhere in cyber space
    Karma : 1000001

    สนทนาธรรม, เรื่องเล่า.... Empty Re: สนทนาธรรม, เรื่องเล่า....

    ตั้งหัวข้อ  Admin Mon Jun 29, 2009 8:01 pm

    ยังมีช่างไม้ฝีมือดีคนหนึ่ง ต้องการที่จะเกษียณตัวเอง เนื่องจากอายุมากแล้ว
    เขาบอกความต้องการนี้กับนายจ้าง เมื่อนายจ้างทราบแล้วก็รู้สึกเสียดายมาก
    แต่เพื่อให้ช่างไม้สบายใจจึงอนุญาต และขอร้องให้ช่างไม้ สร้างบ้านหลังสุดท้ายก่อนเกษียณ

    เมื่อช่างไม้สร้างบ้านหลังสุดท้ายเสร็จแล้ว ปรากฎว่าบ้านหลังนี้ขาดความปราณีต
    วัสดุใช้แบบที่ด้อยคุณภาพ เนื่องจากช่างไม้ทำเพื่อให้งานผ่านไปอย่างเร็วเท่านั้นเอง

    นายจ้างที่เห็นบ้านดังกล่าวรู้สึกเศร้าใจมากขึ้น เขาบอกกับช่างไม้ว่า
    "นี่คือบ้านของคุณ ผมขอมอบให้เป็นของขวัญตอนเกษียณอายุ"

    ช่างไม้ได้ยินแบบนั้น ถึงกับตกใจและอุทานว่า เสียดายจริง ๆ
    ถ้าเรารู้ว่ากำลังสร้างบ้านของตัวเอง เราคงจะทำด้วยความตั้งใจมากกว่านี้

    ข้อคิดสำหรับเรื่องนี้ก็คงคล้ายกับชีวิตของเราทุกคนที่กำลังสร้างชีวิตของเราทุกวัน
    ด้วยการสั่งสมสิ่งต่าง ๆ วันละเล็กวันละน้อย
    บ่อยครั้งเราไม่ได้ใช้ความพยายามอย่างถึงที่สุดในการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ
    และเมื่อวัน ๆ หนึ่งมาถึง เราก็จะตระหนักว่าเราต้องใช้ชีวิตกับสิ่งที่เราได้เคยสร้างไว้ก่อนหน้านี้ทั้งหมด

    เมื่อวันนั้นมาถึง เรามักจะคิดว่า ถ้าสามารถย้อนเวลากลับไปได้
    เราจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด แต่นั่นเป็นไปไม่ได้

    พวกเราทุกคนเปรียบเสมือนช่างไม้ ในทุก ๆ วัน พวกเรากำลังตอกตะปู
    วางแผ่นกระดาน หรือแม้แต่เลือกกำแพงให้กับชีวิตของตัวเอง ดังคำพูดที่ว่า
    "ชีวิตคือสิ่งที่เราสร้างด้วยตัวเราเอง"

    ทัศนคติ ความคิด และทางเลือกต่าง ๆ ที่พวกเราได้ตัดสินใจทำลงไปในวันนี้
    ก็เสมือนกับการสร้างบ้าน ที่เราจะต้องอยู่กับมันตลอดไป ดังนั้นจงสร้างบ้านด้วยความฉลาด และ มีสติ

    จำไว้ว่า
    "จงทำงานเหมือนกับว่าเราไม่ต้องการเงินทอง"
    "จงรักราวกับว่าไม่เคยเจ็บ"
    "จงเต้นรำราวกับว่าไม่มีใครจ้องมอง"
    Firehead
    Firehead
    .....
    .....


    Posts : 1654
    Joined : 07/02/2009
    Location : ในเทล {=[]=}
    Karma : 1

    สนทนาธรรม, เรื่องเล่า.... Empty Re: สนทนาธรรม, เรื่องเล่า....

    ตั้งหัวข้อ  Firehead Mon Jun 29, 2009 8:35 pm

    โ อ โ ย ะ โ ย๋ ~
    Indielด็กlluว
    Indielด็กlluว
    .....
    .....


    Posts : 1856
    Joined : 14/02/2009
    Location : Top Of The World
    Karma : 1

    สนทนาธรรม, เรื่องเล่า.... Empty Re: สนทนาธรรม, เรื่องเล่า....

    ตั้งหัวข้อ  Indielด็กlluว Mon Jun 29, 2009 9:43 pm

    ลึกซึ้ง เนียน ปั้มเรป -[]-
    ●sHøNëN●
    ●sHøNëN●
    .....
    .....


    Posts : 3026
    Joined : 05/02/2009
    Location : มังงะ~
    Karma : 2

    สนทนาธรรม, เรื่องเล่า.... Empty Re: สนทนาธรรม, เรื่องเล่า....

    ตั้งหัวข้อ  ●sHøNëN● Mon Jun 29, 2009 9:54 pm

    โอ๊ส!!!
    Admin
    Admin
    .....
    .....


    Posts : 985
    Joined : 02/02/2009
    Location : somewhere in cyber space
    Karma : 1000001

    สนทนาธรรม, เรื่องเล่า.... Empty Re: สนทนาธรรม, เรื่องเล่า....

    ตั้งหัวข้อ  Admin Thu Jul 02, 2009 11:16 am

    ชายคนหนึ่งเพิ่งจะมาพูดได้ตอนอายุ 4 ขวบ
    ชายคนนั้น...เพิ่งจะมาอ่านหนังสือออกตอนอายุ 8 ขวบ
    ชายคนนั้น...เคยถูกไล่ออกจากโรงเรียน
    ชายคนนั้น...เคยถูกปฎิเสธจากโรงเรียนอาชีวะแห่ง ซูริค
    ชายคนนั้น...เคยถูกอาจารย์ระบุว่า 'สมองช้าไม่ชอบสังคมและล่องลอยอยู่ในความฝันอันโง่เขลาของตัวเองตลอดเวลา'ชายคนนั้น...ชื่อ 'อัลเบิร์ต ไอสไตน์' บิดาแห่งปรมาณู

    ชายคนหนึ่งเคยถูกปฎิเสธจากโรงเรียนเตรียมทหารเวสต์พอยต์
    ชายคนนั้น...ลองสมัครใหม่ดูอีกที
    ชายคนนั้น...ถูกปฎิเสธอีกครั้ง
    ชายคนนั้น...พยายามเป็นครั้งที่สามชายคนนั้น...ได้รับอนุ­าตให้เข้าเรียน
    ชายคนนั้น...ได้เป็นทหารสมใจ
    ชายคนนั้น...เข้าไปอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่สองได้สำเร็จ
    ชายคนนั้น...ชื่อ 'นายพล ดักลาส แมคอาเธอร์' ผู้พิชิตแปซิฟิคแห่งสงครามโลกครั้งที่สอง

    ชายกล ุ่มหนึ่งเป็นนักดนตรี
    ชายกลุ่มนั้น...เคยถูกปฎิเสธจากผุ้บริหารคนหนึ่งจากบริษัทเดคคาเรคคอร์ต้ง
    ชายกลุ่มนั้น...ถูกปฎิเสธด้วยเหตุผลที่ว่า
    'เราไม่ชอบเสียงเพลงของพวกเขา และกลุ่มนักดนตรีที่เล่นกีตาร์กำลังจะหมดสมัยแล้ว'ชายกลุ่มนั้น...มีนามว่า 'เดอะ บีเทิลส์' สี่เต่าทองแห่งตำนาน

    ชายคนหนึ่ง...เป็นนักกีฬา
    ชายคนนั้น...เล่นบาสเกตบอลให้กับทีมโรงเรียนมัธยม
    ชายคนนั้น...เคยถูกคัดออกจากทีมโรงเรียน
    ชายคนนั้น...ชื่อ 'ไมเคิล จอร์แดน'หนึ่งในนักกีฬาบาสเกตบอลที่ทำเงินมากที่สุดในโลก

    ชายคนหนึ่ง...เป็นนักแต่งเพลงชาวเยอรมัน
    ชายคนนั้น...สู­เสียความสามารถในการฟังลงเรื่อยๆ
    ชายคนนั้น...หูหนวกสนิทเมื่อมีอายุได้ 46 ปี
    ช?ยคนนั้น...ได้ใช้ช่วงเวลาบั้นปลายชีวิตประพันธ์เพลงที่ยอดเยี่ยมที่สุด
    ชายคนนั้น...ชื่อ 'ลุดวิก ฟาน บีโธเฟน' (Ludwig van Beethoven) นักประพันธ์เพลงชื่อก้องโลก

    ชายคนหนึ่งสอบตกประถม 6
    ชายคนนั้น...เคยมีชีวิตที่พ่ายแพ้และล้มเหลวมาตลอด
    ชายคนนั้น...ล้วนทำประโยชน์ครั้งให­่ๆเมื่อเขากลายเป็นผู้สูงอายุแล้ว
    ชายคนนั้น...ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษเมื่ออายุ 62 ปี
    ชายคนนั้น...ชื่อ 'วินสตัน เชอร์ชิล' อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ

    ชายคนหนึ่งเรียนปริ­­าตรี
    ชายคนนั้น...เคยถูกจัดให้เป็นแค่นักศึกษาระดับกลางเท่านั้น
    ชายคนนั้น...เคยสอบได้อันดับที่ 15 จากนักศึกษา 22 คนในวิชาเคมี
    ชายคนนั้น...ชื่อ 'หลุยส์ ปาสเตอร์'

    ชายคนหนึ่งเป็นนักร้อง
    ชายคนนั้น...เคยถูกผู้จัดการของ แก รนด์โอเลโอเพรย์ไล่ออก
    ชายคนนั้น...เคยโดนดูถูกว่า 'แกมันไปไม่ถึงไหนเลย แกควรกลับไปขับรถบรรทุกมากกว่า'ชายคนนั้น...ชื่อ 'เอลวิส เพรสลีย์'

    ห­ิงคนหนึ่งเป็นนางแบบผู้เปี่ยมไปด้วยความหวัง
    ห­ิงคนนั้น...ทำงานให้กับบริษัท Blue Book Modeling Agency
    ห­ิงคนนั้น...เคยโดนผู้อำนวยการบริษัท บลูบุ๊ค โมเดลลิ่งเอเจนซี่ดูถูกว่า
    'เธอควรไปเรียนด้านเลขาฯหรือไม่ก็แต่งงานเสียดีกว่า'
    ห­ิงคนนั้น...ชื่อ นอร์มา จีน เบเกอร์ หรือที่รู้จักกันในนาม 'มาริลีนมอนโร' นั่นเอง

    ชายคนหนึ่ง หลงใหลวิชาการเงินอย่างมาก
    ชายคนนั้น...ยื่นใบสมัครกับมหาวิทยาลัยธุรกิจฮา วาร์ดอันเลื่องชื่อ
    ชายคนนั้น...ถูกปฎิเสธในเวลาต่อมา
    ชายคนนั้น...ไม่ยอมแพ้ เดินหน้าเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยธุรกิจโคลัมเบีย
    ชายคนนั้น...สำเร็จการศึกษา
    ชายคนนั้น...ปัจจุบันมีสินทรัพย์รวมกว่า 44,000 ล้านเหรีย­สหรัฐจากเงินลงทุนเพียง 100เหรีย­สหรัฐ
    ชายคนนั้น...ชื่อ 'วอเรน บัฟเฟตต์' นักลงทุนอัจฉริยะอภิมหาเศรษฐีอันดับสองของโลก

    ชายคนหนึ่ง หลงใหลในคอมพิวเตอร์อย่างมาก
    ชายคนนั้น...ชอบหมกตัวกับคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ
    ชายคนนั้น...ถูกเพื่อนมองว่า 'สกปรก - บ้าคอมพิวเตอร์'
    ชายคนนั้น...เคยเสนอซอฟแวร์ระบบให้กับ แอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์
    ชายคนนั้น...ถูกปฎิเสธอย่างไม่ใยดี
    ชายคนนั้น...ปัจจุบันคือผู้ให้การช่วยเหลือด้านเงินทุนกับ แอปเปิ้ลคอมพิวเตอร์
    ชายคนนั้น...เคยถูก ไอบีเอ็ม มองว่า 'แค่เด็ก'
    ชายคนนั้น...ปัจจุบันเป็นผู้นำบริษัทซอฟแวร์ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก
    ชายคนนั้น...ชื่อ วิลเลี่ยม เฮนรี่ เกตส์ ที่สาม หรือที่รู้จักกันในนาม
    ' บิลล์ เกตส์' ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟต์ มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก
    ผู้ถือครองสินทรัพย์กว่า 46,000 ล้านเหรีย­

    เชื่อว่าทุกคนเคยแพ้ เชื่อว่าทุกคนเคยล้มเหลว
    แต่คนแพ้ไม่ใช่คนที่ล้มเหลว คนล้มเหลวคือ...คนที่ล้มเลิกต่างหาก
    Indielด็กlluว
    Indielด็กlluว
    .....
    .....


    Posts : 1856
    Joined : 14/02/2009
    Location : Top Of The World
    Karma : 1

    สนทนาธรรม, เรื่องเล่า.... Empty Re: สนทนาธรรม, เรื่องเล่า....

    ตั้งหัวข้อ  Indielด็กlluว Thu Jul 02, 2009 4:09 pm

    ว้าวแหล่มเรย
    Firehead
    Firehead
    .....
    .....


    Posts : 1654
    Joined : 07/02/2009
    Location : ในเทล {=[]=}
    Karma : 1

    สนทนาธรรม, เรื่องเล่า.... Empty Re: สนทนาธรรม, เรื่องเล่า....

    ตั้งหัวข้อ  Firehead Tue Jul 07, 2009 4:31 pm

    ไม่ได้อ่านเรย'งง'
    ●sHøNëN●
    ●sHøNëN●
    .....
    .....


    Posts : 3026
    Joined : 05/02/2009
    Location : มังงะ~
    Karma : 2

    สนทนาธรรม, เรื่องเล่า.... Empty Re: สนทนาธรรม, เรื่องเล่า....

    ตั้งหัวข้อ  ●sHøNëN● Thu Jul 09, 2009 7:54 pm

    สวัสดีค่ะ!!(- -")
    Firehead
    Firehead
    .....
    .....


    Posts : 1654
    Joined : 07/02/2009
    Location : ในเทล {=[]=}
    Karma : 1

    สนทนาธรรม, เรื่องเล่า.... Empty Re: สนทนาธรรม, เรื่องเล่า....

    ตั้งหัวข้อ  Firehead Thu Jul 09, 2009 8:08 pm

    •.★* sHoNeN *★.• พิมพ์ว่า:สวัสดีค่ะ!!(- -")
    อาไยเนี่ย ^^"
    Admin
    Admin
    .....
    .....


    Posts : 985
    Joined : 02/02/2009
    Location : somewhere in cyber space
    Karma : 1000001

    สนทนาธรรม, เรื่องเล่า.... Empty Re: สนทนาธรรม, เรื่องเล่า....

    ตั้งหัวข้อ  Admin Fri Jul 10, 2009 1:07 pm

    ไม่ได้อ่านเรย'งง'
    เอ้ย.... นี่มาแบบไม่อ่านเลยเรอะ........ กระทู้นี้อนุญาติให้ปั๊ม แต่ต้องอ่านก่อน Very Happy Very Happy


    เริ่มต้นที่ตอนจบ

    มีคนชอบถามหนูดีว่า จะใช้สมองอย่างไรถึงจะคุ้มค่า จะใช้ชีวิต ใช้เวลาอย่างไรถึงจะถือว่าสมองของเราไม่ได้สูญเปล่า ด้วยความที่หนูดีเรียนมาด้านสมองและทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอัจฉริยภาพ จึงถูกถามในเรื่องนี้เป็นประจำ และก็เป็นคำถามที่ทำให้หนูดีสนุกมากที่จะตอบเสมอ เพราะคำถามชนิดนี้ มีคำตอบได้มากมาย ไม่เคยตายตัว ใครตอบก็ไม่มีวันซ้ำกัน

    วันนี้ลองมาฟังนักวิจัยด้านสมองตอบคำถามนี้ดูกันเล่น ๆ ไหมคะ

    สมัยที่หนูดีเรียนอยู่ที่อเมริกา เคยถูกให้ทำแบบฝึกหัดหนึ่งซึ่งเปลี่ยนแปลงชีวิตหนูดีไปตลอดกาลเลย คือ
    เกม “เริ่มต้นที่ตอนจบ” โดยเกมนี้เล่นไม่ยาก แต่ใช้เวลาพอสมควร หนูดีเคยนำมาฝึกกับลูกศิษย์ของหนูดีบ่อย ๆ มีคนนั่งหลับตาไป ร้องไห้ไป มาหลายคนแล้ว เพราะเป็นเกมที่ทำให้เราได้ย้อนหลังกลับไปมองชีวิต ไม่ใช่แต่ต้นจนอวสาน แต่ว่ามองจากอวสาน มาตอนต้น

    ถ้าพูดเปรียบเทียบเป็นภาษานักธุรกิจก็ต้องบอกว่า Begin with the end in mind. ก็คือ การเริ่มต้นมาจากการมองเห็นภาพตอนจบ หรือสัมฤทธิผลของเรื่อง

    เกมนี้เริ่มที่ หนูดีจะขอให้ผู้อ่าน ลองหาเวลาเงียบ ๆ อยู่กับตัวเอง ในตอนที่เราไม่มีเรื่องรีบร้อนอันใดต้องไปทำ แล้วให้นั่งลง หลับตาจินตนาการภาพตัวเรา ตอนอายุสักแปดสิบ
    โดยให้สมมติว่า เราจะต้องตายตอนอายุสักแปดสิบ และตอนนั้น เราเจ็บป่วย นอนอยู่บนเตียง หลังจากนั้น ให้เราลองจินตนาการ ย้อนกลับไปมองทั้งชีวิตของเราว่า ที่ผ่านมา เราได้ใช้มันไปอย่างไรบ้าง เราใช้เวลาของเราทำอะไรไป เราวิ่งตามอะไร เราวุ่นวายกับอะไร เรารักใคร เราไม่รักใคร ความสุข ความทุกข์ของเราเป็นผลจากอะไร

    แต่สองคำถามที่สำคัญที่สุดก็คือ เราจะเสียดายที่สุด หากเราตายไปโดยไม่ได้ทำอะไร .. เราจะเสียดายที่สุด หากเราไม่ได้ใช้เวลากับใคร

    หากเราตอบคำถามเหล่านี้ได้ อย่างกระจ่างชัด ก็จะมีเวลาบางช่วงที่เราจะไม่ใช้ไปอย่างที่เราใช้อยู่ จะมีกิจการบางกิจการ ที่เราไม่เลือกจะก่อตั้ง มีเพื่อนบางคนที่เราอาจจะเลิกคบ มีเงินบางก้อนที่เราจะปฏิเสธไม่รับสารพัดของสิ่งที่จะเกิดขึ้น ถ้าเรามีเวลาถอยออกมาจากชีวิต แล้วย้อนกลับไปมองเหมือนกับว่า เรากำลังดูหนังวิดิโอชีวิตของคนอื่นอยู่ แล้วก็วิจารณ์ว่าเขาคนนั้นตอนยังมีชีวิตอยู่ น่าจะทำอะไรที่ควรทำ

    ทั้งหมดนี้ เป็นเทคนิคที่ง่ายดายและลึกซึ้ง เมื่อหนูดีลองทำแล้ว เป็นประโยชน์อย่างยิ่งถึงขั้นหนูดีเปลี่ยนอาชีพ เปลี่ยนชีวิต เพราะจากที่เคยคิดอย่างเด็กอายุยี่สิบ หนูดีกระโดดข้ามไปคิดแบบแปดสิบได้ ตอนนี้เลยเหมือนย้อนกลับมาใช้ชีวิตรอบสอง โดยอายุยังไม่ครบสามสิบเลย เหมือนมีสองชีวิตเลยค่ะ

    เมื่อก่อนหนูดีเคยคิดว่า ความสำเร็จในชีวิตก็เหมือนกับการหาของใส่กล่อง คนเก่งกว่าก็ใช้เวลาเป็น ใช้ชีวิตคุ้ม ก็หาของมาใส่กล่องได้เร็วและมากกว่าคนอื่น แต่อีกปัจจัยที่ทำให้กล่องเต็มได้ ที่หนูดีไม่เคยคิดมาก่อนจะเล่นเกมนี้ก็คือ แค่เราเปลี่ยนขนาดกล่องให้เล็กลงซะ มันก็เต็มได้โดยไม่ยากเย็นเลย

    ดังนั้น การใช้สมองให้เต็มที่ คุ้มค่า เพื่อให้ชีวิตมีสุขได้ครบด้านและง่ายดาย น่าจะอยู่ที่ศักยภาพในการถอยออกมาแล้วมองชีวิตจากมุมห่างออกไปอีกหน่อย มองย้อนกลับจากวันสุดท้ายของชีวิตก็เป็นความท้าทายที่น่าสนุกอีกแบบหนึ่ง มันเปลี่ยนชีวิตหนูดีมาแล้ว ในทางที่ดีขึ้นอย่างมหัศจรรย์ ด้วยคำถามง่าย ๆ ไม่กี่คำถาม

    แล้ววันนี้ ท่านผู้อ่านของหนูดีคิดว่า ชีวิตนี้ ไม่ได้ทำอะไรแล้วจะเสียดายที่สุดคะ และไม่ได้ใช้เวลากับใครแล้วจะเสียดายที่สุดคะ

    บทความ ของ วนิษา เรซ ผู้เชี่ยวชาญอัจฉริยภาพปริญญาโท จากฮาร์วาร์ด
    >Useless<
    >Useless<
    .....
    .....


    Posts : 3666
    Joined : 03/02/2009
    Location : Somewhere in someone's heart :P
    Karma : 2

    สนทนาธรรม, เรื่องเล่า.... Empty Re: สนทนาธรรม, เรื่องเล่า....

    ตั้งหัวข้อ  >Useless< Fri Jul 10, 2009 5:49 pm

    จะลองทำดู
    ESp@DA
    ESp@DA
    .....
    .....


    Posts : 344
    Joined : 12/06/2009
    Location : ไม่มี
    Karma : 1

    สนทนาธรรม, เรื่องเล่า.... Empty Re: สนทนาธรรม, เรื่องเล่า....

    ตั้งหัวข้อ  ESp@DA Fri Jul 10, 2009 6:07 pm

    อะไรจะปานนั้น admin พิมพ์คนเดียวเลยรึเนี้ย
    ●sHøNëN●
    ●sHøNëN●
    .....
    .....


    Posts : 3026
    Joined : 05/02/2009
    Location : มังงะ~
    Karma : 2

    สนทนาธรรม, เรื่องเล่า.... Empty Re: สนทนาธรรม, เรื่องเล่า....

    ตั้งหัวข้อ  ●sHøNëN● Fri Jul 10, 2009 8:26 pm

    อ่านผ่านอย่างรวดเร็ว!!!
    เอิ๊กๆ~
    Firehead
    Firehead
    .....
    .....


    Posts : 1654
    Joined : 07/02/2009
    Location : ในเทล {=[]=}
    Karma : 1

    สนทนาธรรม, เรื่องเล่า.... Empty Re: สนทนาธรรม, เรื่องเล่า....

    ตั้งหัวข้อ  Firehead Sat Jul 11, 2009 2:34 pm

    อิอิ อ่านแล้วจ้า
    อ่านที่หัวข้อ งิ Razz Razz Razz
    Admin
    Admin
    .....
    .....


    Posts : 985
    Joined : 02/02/2009
    Location : somewhere in cyber space
    Karma : 1000001

    สนทนาธรรม, เรื่องเล่า.... Empty Re: สนทนาธรรม, เรื่องเล่า....

    ตั้งหัวข้อ  Admin Fri Jul 17, 2009 3:52 pm

    ชายชาวอินเดียคนหนึ่ง เดินเข้าไปในธนาคารกลางเมืองนิวยอร์ค ถามหาเจ้าหน้าที่สิน
    เชื่อ ชายคนนี้บอก
    กับเจ้าหน้าที่สินเชื่อว่า


    เขาจะต้องไปทำธุระที่ประเทศอินเดีย ประมาณ 2 สัปดาห์ ก็เลยจะขอกู้เงินสัก
    170,000 บาท


    เจ้าหน้าที่สินเชื่อบอกกับเขาว่า การกู้ยืมเงินจะต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ดัง
    นั้นชายชาวอินเดียยื่นกุญแจร
    ถเฟอร์รารี่รุ่นใหม่ล่าสุด


    ที่จอดอยู่หน้าธนาคาร พร้อมกับเสนอให้ใช้รถคันนี้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน เจ้า
    หน้าที่สินเชื่อจึงตกลงให้กู้เ
    งินโดยใช้รถค้ำประกัน

    ผู้จัดการธนาคาร กับเจ้าหน้าที่สินเชื่อต่างก็ขบขันชายชาวอินเดีย ที่เอารถเฟอร์
    รารี่ราคา 8,500,000
    บาท มาค้ำประกันเงินกู้เพียงแต่ 170,000 บาท


    หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ธนาคารก็นำรถเฟอร์รารี่ขับเข้าไปจอดที่ลาดจอดรถชั้นใต้
    ดินของธนาคารสองสัปดาห์
    ผ่านไป


    ชายชาวอินเดียก็กลับมาที่ ธนาคารพร้อมด้วยเงิน 170,000 บาท และดอกเบี้ยอีก 500
    บาทอด นำมา
    ชำระคืนให้กับธนาคาร


    เจ้าหน้าที่สินเชื่อพูดว่า "ท่านครับ เรารู้สึกดีใจมากที่คุณจัดการธุระของคุณ
    ได้เสร็จเรียบร้อย และการกู้
    เงินในครั้งนี้ก็เสร็จสิ้นไปได้ด้วยดี


    แต่ผมสงสัยอะไรนิดหน่อย ตอนที่คุณไปแล้ว เราได้เช็คประวัติของคุณดู ก็พบว่าคุณ
    ร่ำรวยเป็นอภิมหาเศรษ
    ฐีคนนึงเลย


    แต่ทำไมคุณถึงต้องมากู้เงินกับเราแค่ 170,000 บาทด้วยล่ะครับ"

    ชาวชาวอินเดียตอบกลับไปว่า


    "ไม่มีที่ไหนในนิวยอร์คอีกแล้ว ที่ผมจะสามารถจอดรถทิ้งไว้ได้ถึง 2 สัปดาห์ ด้วย
    เงินเพียง 500 บาท
    พร้อมกับความมั่นใจเต็มร้อยว่ารถผมจะไม่หาย"

    เออ, คนอินเดียนี่ก็ช่างคิดเสียจริง นี่แหล่ะที่เค้าว่าคนอินเดียน่ะฉลาด
    Admin
    Admin
    .....
    .....


    Posts : 985
    Joined : 02/02/2009
    Location : somewhere in cyber space
    Karma : 1000001

    สนทนาธรรม, เรื่องเล่า.... Empty Re: สนทนาธรรม, เรื่องเล่า....

    ตั้งหัวข้อ  Admin Wed Jul 22, 2009 1:37 pm

    9เทคนิค ฝึกสมองไบรท์ ” โดย วนิษา เรซ

    1. จิบน้ำบ่อย ๆ สมองประกอบด้วยน้ำ 85 % เชลล์สมองก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็เห่ยว ถ้าไม่อยากให้เชลล์สมอง เหี่ยว ซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้า กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก แต่ละวันจึงควรดื่มน้ำบ่อย ๆ

    2. กินไขมันดี คนไม่ค่อยรู้ว่าสมองคือก้อนไขมัน ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ แนะนำให้กินไขมันดีระหว่างวัน จำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วย ปลาที่มีไขมันดีอย่าง ปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง วิตามินรวม น้ำมันพริมโรสเป็นน้ำมันดี ที่ทำให้เชลล์ชุ่มน้ำ ส่วนวิตามินซีกินแล้วสดชื่น

    3. นั่งสมาธิวันละ 12 นาที หลังจากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติและนั่งสมาธิทุกเช้า วันละ 12 นาที เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายสุด ๆ ทำให้สมองมี Mental Imagery สามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ ( ถ้าทำไม่ได้ตอนเช้า ) ให้หัดทำก่อนนอนทุกวัน

    4. ใส่ความตั้งใจ การตั้งใจในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมองว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิด ระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้น ทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่าง ๆ เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่ทำจริงกับสิ่งที่คิดขึ้น ทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน

    5. หัวเราะและยิ้มบ่อย ๆ ทุกครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข หลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้นให้มีความอยากรักและ หวังดีต่อคนอื่นไปเรื่อยๆ

    6. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน สิ่งใหม่ในที่นี้หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารร้านใหม่ ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่ คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา เป็นต้น เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ทำให้สมองหลั่งสารเอ็นโดรฟิน และโดปามีน ซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และสร้างสรรค์ ไปเรื่อย ๆ เมื่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์

    7. ให้อภัยตัวเองทุกวัน ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง ทำให้เปลืองพลังงานสมอง การให้อภัยตัวเอง เป็นการลดภาระของสมอง

    8. เขียนบันทึก Graceful Journal ฝึกเขียนขอบคุณสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มีครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพที่ดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข เป็นต้น เพราะการเขียนเรื่องดี ๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์

    9. ฝึกหายใจลึก ๆ สมองใช้ออกชิเจน 20 25 % ของออกชิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย การฝึกหายใจเข้าลึก ๆ จึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกชิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น ถ้านั่งทำงานนาน ๆ อาจหาเวลายืนหรือเดินยึดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ่ สามารถหายใจเอาออกชิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก 20 % การมีสมองที่ดีก็เหมือนทักษะทุกอย่างในโลกที่เรียนรู้ได้ แต่จะเก่งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ถ้าเราดูแลและฝึกฝนสมองให้ดี คุณภาพชีวิตก็จะดีตาม
    Indielด็กlluว
    Indielด็กlluว
    .....
    .....


    Posts : 1856
    Joined : 14/02/2009
    Location : Top Of The World
    Karma : 1

    สนทนาธรรม, เรื่องเล่า.... Empty Re: สนทนาธรรม, เรื่องเล่า....

    ตั้งหัวข้อ  Indielด็กlluว Wed Jul 22, 2009 3:03 pm

    Admin พิมพ์ว่า:9เทคนิค ฝึกสมองไบรท์ ” โดย วนิษา เรซ

    1. จิบน้ำบ่อย ๆ สมองประกอบด้วยน้ำ 85 % เชลล์สมองก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็เห่ยว ถ้าไม่อยากให้เชลล์สมอง เหี่ยว ซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้า กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก แต่ละวันจึงควรดื่มน้ำบ่อย ๆ

    2. กินไขมันดี คนไม่ค่อยรู้ว่าสมองคือก้อนไขมัน ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ แนะนำให้กินไขมันดีระหว่างวัน จำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วย ปลาที่มีไขมันดีอย่าง ปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง วิตามินรวม น้ำมันพริมโรสเป็นน้ำมันดี ที่ทำให้เชลล์ชุ่มน้ำ ส่วนวิตามินซีกินแล้วสดชื่น

    3. นั่งสมาธิวันละ 12 นาที หลังจากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติและนั่งสมาธิทุกเช้า วันละ 12 นาที เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายสุด ๆ ทำให้สมองมี Mental Imagery สามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ ( ถ้าทำไม่ได้ตอนเช้า ) ให้หัดทำก่อนนอนทุกวัน

    4. ใส่ความตั้งใจ การตั้งใจในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมองว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิด ระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้น ทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่าง ๆ เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่ทำจริงกับสิ่งที่คิดขึ้น ทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน

    5. หัวเราะและยิ้มบ่อย ๆ ทุกครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข หลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้นให้มีความอยากรักและ หวังดีต่อคนอื่นไปเรื่อยๆ

    6. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน สิ่งใหม่ในที่นี้หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารร้านใหม่ ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่ คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา เป็นต้น เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ทำให้สมองหลั่งสารเอ็นโดรฟิน และโดปามีน ซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และสร้างสรรค์ ไปเรื่อย ๆ เมื่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์

    7. ให้อภัยตัวเองทุกวัน ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง ทำให้เปลืองพลังงานสมอง การให้อภัยตัวเอง เป็นการลดภาระของสมอง

    8. เขียนบันทึก Graceful Journal ฝึกเขียนขอบคุณสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มีครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพที่ดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข เป็นต้น เพราะการเขียนเรื่องดี ๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์

    9. ฝึกหายใจลึก ๆ สมองใช้ออกชิเจน 20 25 % ของออกชิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย การฝึกหายใจเข้าลึก ๆ จึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกชิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น ถ้านั่งทำงานนาน ๆ อาจหาเวลายืนหรือเดินยึดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ่ สามารถหายใจเอาออกชิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก 20 % การมีสมองที่ดีก็เหมือนทักษะทุกอย่างในโลกที่เรียนรู้ได้ แต่จะเก่งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ถ้าเราดูแลและฝึกฝนสมองให้ดี คุณภาพชีวิตก็จะดีตาม

    แค่ซื้อ "ขายหัวเราะ" อ่านสมองคุณ ก็เป็นอัจฉริยะได้ = =

      เวลาขณะนี้ Thu Nov 21, 2024 8:44 pm