ในกระทู้ของวินอาจจะดูมั่วไปนิด แต่เราจะแจกแจงข้อมูลให้กระจ่างนิดส์นึง
ดราม่าคืออะไร What is "Drama"
เคยสงสัยไหม ยุคนี้ อะไรๆ ก็ดราม่า, เกิดดราม่า, เสพย์ดราม่า, ดราม่าแอดดิก เราจะมีไขความกระจ่างของคำนี้กัน
ผมคิดว่า Drama เกิดขึ้นมาครั้งแรกเนี่ย ไม่น่าจะตั้งใจให้มีความหมายเท่าปัจจุบันนี้ เท่าที่ศึกษาและค้นคว้าข้อมูลจากเวป http://drama-addict.com หัวข้อแรกที่มีการโพสขึ้น มีใจความว่า
“มานฉันท์? WTF ? มันคืออะไร!?
ความร้าวฉานเท่านั้นที่เราต้องการ !
ถ้าคุณมีเบาะแสความร้าวฉาน!การด่าทอ!ทะเลาะเบาะแว้ง!
แจ้งเบาะแสมาที่เรา ! wmdramaaddict@gmail.com
เราไม่มีของอะไรจะสมนาคุณให้ท่าน! แต่เราจะช่วยท่านสุมไฟดราม่านั้นอย่างแน่นอน!”
เท่าที่อ่านดู ก็ใกล้เคียงกับที่ผมคาดการณ์แหละ คำว่า ดราม่า น่าเกิดจากความเบื่อหน่ายในสังคม ซึ่งแบ่งแยกออกเป็น 2 อย่างชัดเจน(ถ้าไม่มีแบ่งอย่างน้อย 2 ฝ่ายคนจะตีกันไหมละ) ซึ่งในเมืองไทย เหตุการณ์ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด ก็เมื่อมีเสื้อเหลืองกับเสื้อแดงเนี่ยแหละ สังคมของ ดราม่า จึงได้เกิดขึ้น
“DRAMA เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากความคิดเห็นที่แตกต่าง อคติ หรือจริงจังมากเกินไป แล้วก่อให้เกิดความขัดแย้ง รำคาญใจ กับผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด”
จุด เริ่มต้นของ DRAMA อย่างที่บอกน่าจะมาจากความขัดแย้งที่น่าเบื่อระดับประเทศของเสื้อเหลือง และเสื้อแดง แต่แล้วก็กลายเป็นคำแสลงที่นำมาใช้กับเวปบอร์ดเมืองไทย ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุด ก็คือ www.pantip.com
สังคม ออนไลน์ในยุคอินเตอร์เน็ตมีมาซักพักหนึ่งแล้ว และสังคมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย มีคนใช้มากที่สุดในเมืองไทย ก็คือ pantip.com ซึ่งเป็นแหล่งรวมทั้งข่าวสาร ความคิดเห็น ข้อสังเกตในสังคมมากมาย ถึงกับมีการเปิดห้องพูดคุยต่างๆมากมาย เยอะแยะไปหมด
ความ ขัดแย้งจริงในสังคมนั้น เป็นสิ่งที่เราเห็นกันได้โดยทัวไป แต่ในโลกอินเตอร์เน็ต ในยุค Social Network นั้น นี่เพิ่งจะเป็นยุคแรกๆของสังคมออนไลน์ ที่จำนวนผู้ใช้กำลังเพิ่มขึ้นมากทุกปี “เมื่อมีสังคม ก็จะต้องมีการปกครอง เมื่อมีคนก็ต้องมีความขัดแย้ง” สังคมออนไลน์ที่เกิดขึ้น จึงเริ่มมีผู้ใช้ที่มีความคิดเห็นแตกต่างออกไป ตามวิวัฒนาการของสังคม เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง จึงได้เกิดความขัดแย้งในสังคมขึ้น ซึ่งสังคมออนไลน์เป็นเพียงสังคมสมมติเท่านั้น แต่เหตุการณ์กลับรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนอาจจะถึงขั้นลุกลามออกมาในสังคมจริงๆ
สังคม สมมติ หรือสังคมออนไลน์นี้ เปรียบเสมือนการ Avatar(จำลอง)ตัวเอง ในมุมมองที่อาจจะไม่ใช่ตัวตนจริงของผู้ใช้ เข้าไปในสังคมๆหนึ่งที่อยู่บนอินเตอร์เน็ต ซึ่งในสังคมจริงๆ ผู้ใช้สังคมออนไลน์อาจจะเป็นคนเีงียบขรึม แต่ในสังคมออนไลน์ เขากลับกลายเป็นบุคคลที่ชอบแสดงความคิดเห็น หัวรุนแรง มีแนวคิดในทางตรงกันข้าม อคติ ฯ ซึ่งเขาได้เห็นช่องทางในการระบายออกในสังคมออนไลน์ เพราะคิดว่า สังคมออนไลน์ มันก็แค่สมมติ ไม่มีใครรู้ร็อกว่าเขาเป็นใคร เขาจึงได้แสดงนิสัย(สันดาน) ที่แท้จริงของเขาออกมา โดยการแสดงความคิดเห็นในเชิงที่ก่อความรำคาญให้แก่ผู้อื่น (ซึ่งผู้คนนิยมเรียกคนกลุ่มนี้ว่า เกรียน)
พอ สังคมขยายใหญ่ขึ้นมากๆ จึงไม่แปลกที่จะเห็นเกรียนเพิ่มมากขึ้น พอเกรียนเยอะสังคมก็มีความขัดแย้งกันเยอะ แม้ว่าสังคมออนไลน์ ยังถือว่าเป็นสังคมวัยกะเตาะ ที่ยังค่อยๆเจริญเติบโตไปเรื่อยๆ แต่ภาพการทะเลาะกันในสังคมนั้น ส่งผลกระทบค่อนข้างรุนแรง เพราะทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ การเข้าไปมีส่วนร่วม จึงเป็นการเข้าไปซ้ำเติม หรือไม่ก็สนับสนุน ทำให้ความรุนแรงมากเพิ่มเข้าไปอีกทั้งๆที่มันเป็นแค่สังคมสมมติ
คนที่ มองสังคมสมมตินี้ เป็นแค่สังคมสมมติ ไม่ได้จริงจังซีเรียสอะไร การได้อ่าน(หรือภาษาทางดราม่า เรียกว่า เสพย์) เมื่อได้เสพย์เหตุการณ์แบบนี้ จึงมีความรู้สึกสนุกสนาน เหมือนได้เห็นคนตีกันจริงๆ ทั้งๆที่เป็นข้อความโจมตีกันไปมาเท่านั้น เหตุการณ์ ดราม่า จึงได้เกิดขึ้น และเป็นที่ชื่นชอบของบุคคลประเภทนี้มากมายคนที่เสพย์ติดดราม่า จึงเรียกกันว่า #drama addict นั่นเอง
แต่ก็ มีกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมองว่าสังคมสมมตินี้ เปรียบเสมือนตัวตนที่แท้จริงของเขา จึงได้นำเอาเรื่องต่างๆในสังคมสมมติ นำออกมาสู่โลกความเป็นจริง คนกลุ่มนี้แหละที่มีปัญหาอย่งแท้จริง เพราะไม่สามารถแบ่งแยกโลกจริงๆ กับโลกสมมติได้ บางทีก็จะเรียกกลุ่มคนพวกนี้ว่า เกรียนแตก เพราะแค่เกรียนธรรมดาไม่พอ เหนือชั้นไปกว่า เกรียนทั่วๆไป ยังมีศัพท์ที่สูงไปกว่านั้น อาทิ เกรียนเทพ เกรียนเมพ ฯ แต่เราคงไม่เอ่ยถึง
“ว่า แต่เขา อีเหนาเป็นเอง” ก็อย่างว่าแหละครับ คนที่เสพย์ดราม่าเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องสนุก แต่ในบางทีคนเสพย์ดราม่าก็โดนเข้าเองเหมือนกัน คราวนี้แหละถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว
“ดรา ม่าเอย จงซับซ้อนยิ่งขึ้น” เป็นคำกล่าวของคนที่ติดดราม่า ยิ่งดราม่าไหนที่มีควา่มซับซ้อน เนื้อเรื่องก็จะยิ่งสนุกสนานมากขึ้น อย่างเช่น กรณี นักสืบพันธ์ทิพย์ กับ นาธาน โอมาน ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องราวที่ซับซ้อนที่สุด และน่าจะเป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมมากที่สุด(ตั้งแต่มีดราม่ามา) เรื่องแรกๆของวงการ ดราม่าเลยซะด้วยซ้ำ
สรุป ดราม่าคือคนตีกันนั้นเอง ไม่แบ่งแยกว่าจะตีกันที่ไหน แค่ตีกันเราอยู่ที่นั้น
ยกตัวอย่างดราม่า Drama Sample
http://drama-addict.com/?p=9411 ดราม่าโอเน็ต
http://drama-addict.com/?p=9464 ดราม่าพันทิป
ถ้าได้ลองอ่านดูแล้วจะพบว่าเรื่องที่เห็นนั้นคือเรื่องราวทะเลาะกันของคน 2 คน หรือในบางเรื่องอาจจะเป็นกลุ่มใหญ่
เช่น
http://drama-addict.com/?p=9489 ดราม่าข้ามชาติ
อย่างข้างบนนี้คือตัวอย่างของดราม่าของกลุ่มคน ซึ่งเป็นถึงชาวญี่ปุ่นและเกาหลี
ทำไมถึงต้อง "ดราม่า" Why "Drama"
บางคน(เช่นจขกท.) อย่างเรา ตอนแรกก็คิดว่ามันคงไม่มีอะไร แต่เมื่อสัมผัสดูแล้ว ดราม่าก็คือชีวิต ตัวอย่างของมนุษย์ที่แตกต่างกัน
เช่น มนุษย์ที่เห็นแก่ตัว มนุษย์ที่ชอบหาเรื่อง มนุษย์ขวางโลก มนุษย์แบ่งพวก ซึ่งเรื่องเหล่านี้ก็ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เราสามารถพบเจอ
ได้ในสังคมของเราทั้งสิ้นไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ เรื่องของความขัดแย้งทางความคิดในโลกเสรีก็ล้วนเป็น "DRAMA" กันทั้งนั้น
นั่นคือเหตุผลที่ดราม่า คือ ชีวิตนั่นเอง
"ขอเชิญทุกคนมาร่วมกันเสพดราม่าเถิด จงรับรู้ถึงความบัดซบในจิตใจมนุษย์"